3 สถานการณ์ที่คุณไม่ควร C-Bet

3 สถานการณ์ที่คุณไม่ควร C-Bet

3 สถานการณ์ที่คุณไม่ควร C-Bet

การเล่นโป๊กเกอร์ด้วยการสร้างความกดดันจากแผนการเล่นที่เป็นฝ่ายบุกด้วยการ Bet หรือ Raise คือวิธีการเล่นที่ดีที่สุดที่จะเป็นผู้ชนะในการเล่น
การเล่นด้วยความดุดัน หรือ Aggressive ได้สร้างโอกาสที่จะชนะได้ 2 ประการ คือ
1. คุณชนะได้เมื่อคุณ Bet และ คู่ต่อสู้ของคุณ Call ด้วยไพ่ที่แย่กว่าคุณ
2. คุณชนะเมื่อคู่ต่อสู้ของคุณ หมอบ/Fold ไพ่ของเขาไป

อย่างไรก็ตาม มีบางสถานการณ์ที่การเล่นแบบตั้งรับ หรือ Passive สามารถเป็นการเล่นที่ดีกว่าได้

ในบทความนี้ เราได้ทำการวิเคราะห์เชิงลึกถึง 3 สถานการณ์ ซึ่งเป็นสถานการณ์เฉพาะที่คุณแทบจะไม่ควร C-Bet เลยในฐานะผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Aggressive ในการเล่น รอบ Pre-Flop

มาลองดูสถานการณ์เหล่านี้ไปพร้อมๆ กันด้วยความช่วยเหลือจากโปรแกรม Solver ที่ใช้จำลองสถานการณ์ให้คุณสามารถเห็นภาพได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

สถานการณ์ที่ #1: คุณมีตำแหน่งที่เสียเปรียบ (กับคู่ต่อสู้ที่ตำแหน่ง Button ,Cutoff ฯลฯ)บนบอร์ดที่เชื่อมต่อกันและมีค่าต่ำ

บนบอร์ดที่มีความเชื่อมต่อกันและมีค่าต่ำ เราหมายถึงบอร์ดอย่างเช่น 6♣4♦3♣ เมื่อคุณลองพิจารณาบอร์ดนี้ในครั้งแรก คุณอาจคิดว่าเนื่องจากคุณสามารถมีไพ่ Over-Pair ได้สูงมากกว่าคู่ต่อสู้ของคุณ (เช่น Pocket Aces AA และ Pocket Kings KK) คุณจึงควรเลือกใช้กลยุทธ์ด้วยการ C-Bet อย่าง Aggressive

อย่างไรก็ตาม เราแนะนำให้คุณเลือกแผนการเล่น แบบตั้งรับ หรือ Passive มากกว่า (ด้วยการ Check หรือ C-Bet ด้วยขนาดเล็ก) เนื่องจากมีการกระจายตัวของไพ่ที่มีความแข็งแกร่งอย่างไม่สมดุลระหว่างผู้เล่นทั้งสองฝ่าย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนบอร์ดนี้ Range ของคู่ต่อสู้สามารถมีไพ่ที่มีความแข็งแกร่งมากได้สูง มากกว่า Range ของคุณ เช่น Set ,Straight หรือ แม้แต่ 2-Pair เป็นจำนวนมาก

เพื่อแสดงให้คุณสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น สมมติว่าคุณและคู่ต่อสู้ของคุณมีไพ่ที่สามารถติด Set ได้ 9 Combo ใน Range ของคุณ (66, 44 และ 33) ซึ่ง Combo ทั้ง 9 นั้นหมายถึงประมาณ 3.6% ของ Range ของคุณ (9/250 ซึ่ง 250 คือ Combo ทั้งหมดที่คุณนำมา Raise ในการเล่นนี้) ในขณะเดียวกัน ไพ่ทั้ง 9 Combo เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ Range ของคู่ต่อสู้ของคุณ (9/100 ซึ่ง 100 คือ Combo ทั้งหมดที่คู่ต่อสู้ของคุณอาจเลือกนำมา Call ) นั่นหมายถึง ประมาณ 9% ซึ่งเห็นได้ชัดว่า คู่ต่อสู้มีสูงกว่าของคุณเกือบ 3 เท่าตัว

ซึ่งการกระจายตัวของไพ่ที่มีความแข็งแกร่งอย่างไม่สมดุลนี้ทำให้ผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Call มีข้อได้เปรียบอย่างมาก ซึ่งทำให้เขามีแรงจูงใจที่จะ Raise เพิ่มขึ้น ทำให้การ C-Bet ด้วยขนาดที่ใหญ่ๆ อย่างดุดันของคุณ จึงไม่ใช่แผนการเล่นที่ดี

ด้วยการนำ Solver มาช่วยหาแผนการเล่นที่ดีที่สุด เปรียบเทียบกันในการเล่นตัวอย่างนี้เราพบว่า Solver แนะนำให้ Check ถึง 100% เลยทีเดียว

Solver

เพื่ออธิบายเพิ่มเติมว่าทำไมกลยุทธ์แบบ Passive จึงเหมาะสม เราได้จำลองการเล่น โดยการกำหนดให้ Solver เลือกที่จะ Bet ด้วย Option ต่างๆ ดังนี้

    • ไพ่ที่เป็น Over เกือบทั้งหมด
    • ไพ่ Top-Pair ทั้งหมด
    • ไพ่ที่เป็น Flush-Draw เกือบทั้งหมด
    • ไพ่ Open-End Straight Draw ทั้งหมด
    • ไพ่บางตัวที่เป็น Over-Card ที่่มี ดอกจิก

ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ผู้เล่นโดยส่วนใหญ่เลือกที่จะ Bet ถูกต้องหรือไม่ ?

ด้วยกลยุทธ์ที่ไม่เหมาะสม (แต่ดูสมเหตุสมผล) ที่เราทดลองเลือกนำมาเล่น เราจะทำการจำลองการเล่นเพื่อดูการตอบสนองที่ดีที่สุดของผู้เล่นที่ตำแหน่ง Button จากภาพด้านล่าง เราจะเห็นได้ว่า ผู้เล่นจะสามารถเล่นได้อย่างดุดันมากเท่าใด:

ผู้เล่นจะสามารถเล่นได้อย่างดุดันมากเท่าใด

จากโจทย์ที่เราตั้งไว้ Solver เลือกที่จะตอบโต้ด้วยการ Raise เกือบทั้งหมดของ Range ที่ใช้เล่น กลยุทธ์นี้มีผลเพื่อที่จะกดดันผู้เล่นที่ตำแหน่ง Cut-Off เนื่องจากไม่สามาระเลือกกลยุทธ์เพื่อนำมาตอบโต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ เนื่องจำนวนไพ่ในกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งของผู้เล่นที่ตำแหน่ง Button ที่มีมากกว่านั่นเอง

ดังนั้น คุณจึงควรใช้กลยุทธ์ในเชิงรับในสถานการณ์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพบกับคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถสูง

สถานการณ์ที่ #2 : คุณมีตำแหน่งที่เสียเปรียบ จากตำแหน่ง Small-Blind กับคู่ต่อสู้ ที่ตำแหน่ง Big-Blind บนบอร์ดที่เชื่อมต่อกันและมีค่าต่ำ

เหตุผลเบื้องหลังแนวคิดนี้คล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่ #1 ที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับความได้เปรียบของจำนวนไพ่ที่มีความแข็งแกร่งของผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Call ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวในสถานการณ์นี้คือผู้เล่นทั้งสองฝ่ายมีจำนวนคอมโบที่ใกล้เคียงกันใน Range ของตน
บนบอร์ด 7♥5♦4♣ ที่ Solver เลือกแนะนำให้ผู้เล่นในตำแหน่ง Small Blind เลือกที่จะ Check ด้วยไพ่เกือบทั้งหมดของ Range

เหตุผลของการเลือกกลยุทธ์แบบตั้งรับด้วยการเล่นที่ Passive นี้ก็คือ ความเสียเปรียบของไพ่ที่อยู่บนสุดของ Range

    • ใน Range ของ Small-Blind มีไพ่ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่า 2-Pair อยู่ประมาณ 3.2%
    • ใน Range ของ Big-Blind มีไพ่ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่า 2-Pair อยู่ประมาณ 7.1%

นั่นเป็นเพราะว่า Big-Blind มีแนวโน้มที่จะมีไพ่เช่น 75o,86o,54o,74s และ 63s ได้มากกว่า ซึ่งโดยปกติ ไพ่เหล่านี้ผู้เล่นที่ตำแหน่ง Small-Blind มักจะเลือกที่จะ Fold (หรือ Limp เข้ามาเล่นมากว่าที่จะ Raise)

ทำให้สถานการณ์มีความชัดเจนมากขึ้น ว่าคุณควรเล่นอย่างระมัดระวังมากขึ้นเมื่อ Range ของคุณสามารถมีไพ่ที่แข็งแกร่งได้น้อยกว่าคู่ต่อสู้และ คุณอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ ซึ่งเราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนบนบอร์ดที่มีความเชื่อมโยงกันและมีค่าต่ำ

สถานการณ์ที่ #3 : คุณมีตำแหน่งที่เสียเปรียบ ในฐานะที่เป็นฝ่าย 3-Bet จากตำแหน่ง Small-Blind กับคู่ต่อสู้ที่ตำแหน่ง Button บนบอร์ดที่เชื่อมต่อกันและมีค่าต่ำ

อีกครั้งที่เราพบว่าเราควรเลือกใช้แผนการเล่นเดียวกันนี้บนบอร์ดที่มีความเชื่อมโยงกันและมีค่าต่ำ แต่คราวนี้ มันจะแตกต่างออกไปเล็กน้อยเนื่องจากสถานการณ์นี้จะเป็นการเล่น ด้วยการ 3-Bet เมื่อผู้เล่นที่ตำแหน่ง Button เป็นฝ่าย Open-Raise และคุณที่ตำแหน่ง SB หรืิอ BB เลือกที่จะ 3-Bet และ คู่ต่อสู้ Call

ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้เล่นที่เป็นฝ่าย 3-Bet นั้นโดยส่วนใหญ่จะมีไพ่ใน Range ที่ประกอบไปด้วยไพ่ Broadway เช่น AK,AQ,KQ ฯลฯ ในขณะที่ Range ของฝ่ายที่ Call นั้นประกอบไปด้วยไพ่ ที่มีความแข็งแกร่งปานกลาง ,อยู่ในช่วงกลางๆ-ต่ำ ได้มากกว่า

ในสถานการณ์นี้ Small-Blind จะมีข้อได้เปรียบเรื่อง Over-Pair (อีกครั้ง) แต่จะลดโอกาสที่จะมี 2-Pair และ Straight ลงอย่างมาก (หรือแทบไม่มีเลย)
เรายกตัวอย่าง Flop ที่เปิดออกมาเป็น 7♦6♦5♣ ด้วยการนำ Solver มาใช้ในการช่วยตัดสินใจเลือกแผนการเล่นที่ถูกต้อง และพบว่า

ตัวอย่าง Flop ที่เปิดออกมาเป็น 7♦6♦5♣

Solver แนะนำใช้ Check แทบจะทั้งหมดของไพ่ใน Range ของ Small-Blind ซึ่งมันเกิดขึ้นอีกครั้งเนื่องจาก Small-Blind ไม่มีไพ่ที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษใน Range ได้เลย ไม่มีไพ่ที่เป็น 2-Pair หรือ Straight และ ยังไม่สามารถมี Set ที่ต่ำๆ ได้อีกด้วย ในทางกลับกัน Button สามารถมีทุกอย่างที่กล่าวมาได้ (ยกเว้นไพ่ 43s)

หากคุณที่อยู่ที่ Small-Blind ตัดสินใจที่จะเล่นด้วยการ C-Bet ด้วยความถี่ที่สูงเกินไปในการเล่นนี้ (ด้วยไพ่อย่างเช่น Over-Pair และ Draw ที่พอจะมีได้) Button อาจเลือกที่จะเล่นอย่างดุดันด้วยการใช้ Range ที่มีความได้เปรียบมากกว่ามาทำกำไรในการเล่น ซึ่งนั่นทำให้ EV ในการเล่นของคุณต้องพังทลายลงไปในที่สุด

สรุปบทความ

เราได้แสดงถึงรูปแบบที่ชัดเจน ว่าบอร์ดที่เชื่อมโยงกัน และ มีค่าต่ำนั้นไม่ดี สำหรับผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Open-Raise ในรอบ Pre-Flop คุณควรพยายามลดความดุดันในการเล่นที่บอร์ดเหล่านั้นลง (อย่างมาก) มิฉะนั้นคุณอาจเสี่ยงโดนผู้เล่นที่เข้าใจถึงเหตุผลในการเล่นนี้่ และ เข้าใจว่าคุณเล่นผิดพลาดทำกำไรจากความผิดพลาดนั้นได้

เราหวังว่าคุณจะสนุกกับบทความนี้ และ สามารถช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเล่น เช่นเคย โปรดแสดงความคิดเห็นหรือส่งคำติชม เพื่อให้เราได้ปรับปรุงบทความให้ดีมากยิ่งขึ้น

ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการเล่นโป๊กเกอร์ ที่ N8