เคล็ดลับ ที่ #1 หลีกเลี่ยงที่จะเล่นด้วยการ 3-Bet หากชิปของคุณหรือ คู่ต่อสู้มีน้อยกว่า 60bb

หากคุณพบว่า คู่ต่อสู้ที่เป็นฝ่าย Raise ก่อนหน้าคุณมีชิปหน้าตักเหลือน้อยกว่า 60bb คุณควรลดแผนการเล่นที่จะ 3-Bet ด้วยไพ่ในกลุ่ม Suited Connector ของคุณลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไพ่ที่มีค่าต่ำ อย่างเช่น 65s หรือ 76s.

เราแนะนำให้เล่นเฉพาะเมื่อมีชิปหน้าตักให้เล่นมากเนื่องจากการ 3-Bet นั้นช่วยสร้างความได้เปรียบจากเหตุผล 3 ประการ

1. 1. การ 3-Bet ของคุณทำให้ไพ่ของคู่ต่อสู้ที่ดีกว่าคุณแต่ไม่แข็งแกร่งพอในการ Call, 3-Bet หรือ 4-Bet ต้องหมอบไป
   2. การ 3-Bet ช่วยสร้างโอกาสในการเล่นในรอบ Post-Flop ที่จะช่วยให้คุณสามารถ ทำกำไรจากการกดดันคู่ต่อสู้ ด้วยการ Bluff ได้
   3. การ 3-Bet ช่วยสร้างโอกาสให้คุณสามารถทำกำไรได้มากที่สุดจากชิปกองกลางที่มีขนาดที่ใหญ่มากที่สุด (Big Pot) เมื่อคุณเข้าไปเล่นและติด อะไรที่แข็งแกร่งมากๆ อย่างเช่น Two-Pair (2-คู่), Trips (ตอง ด้วยไพ่ที่คู่ต่อสู้ไม่คิดว่าคุณจะมี), Straights (เรียง) และ flushes (สี) จาก Implied-Odds

ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถ เกิดขึ้นได้หากเราเล่นด้วยชิปหน้าตักที่มีน้อย (Short Stacks) หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญก็คือ เมื่อเข้าไปเล่น Post-Flop ด้วยชิปที่มีไม่มากพอ จะทำให้ไม่สามารถใช้แผนการเล่นที่หลากหลายได้ อย่างเช่นในหัวข้อที่ 2 ที่ เลือกจะกดดันต่อด้วยการ Bluff และ ไม่คุ้มค่ามากพอ เมื่อติดอะไรที่แข็งแกร่งในการเล่น Post-Flop เช่นในหัวข้อที่ 3

เคล็ดลับ ที่ #2 หลีกเลี่ยงที่จะ 3-Bet กับคู่ต่อสู้ประเภท Calling Stations

แผนการเล่นด้วยไพ่ Suited Connector ด้วยการ 3-Bet จะลดประสิทธิภาพ ลงเป็นอย่างมากเมื่อต้องพบกับคู่ต่อสู้ที่ไม่ชอบที่จะหมอบไพ่ของเขา หรือ ที่เราเรียกว่า Calling Station เนื่องจากผู้เล่นประเภทนี้มักจะพยายาม Call ด้วยไพ่ที่มีความแข็งแกร่งปานกลางและพยายามลุ้นที่จะติดอะไรเพิ่มเติมในการเล่นอยู่ตลอด (ศึกษาเกี่ยวกับประเภทของผู้เล่นเพิ่มเติมได้ภายในเวปไซต์ของเรา ที่ N8 และ N8TH)

แม้ว่าจะยังไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมการ 3-bet ด้วยไพ่ Suited Connector ถึงเป็นความผิดพลาดที่อันตรายเมื่อเจอกับผู้เล่นประเภท Call Station แต่เราสามารถคาดเดาได้ว่าเขาเหล่านี้มักจะ Call เข้ามาเล่่นด้วยไพ่ที่อาจจะ Dominate (ไพ่ในประเภทเดียวกันกับคุณแต่สามารถเอาชนะคุณได้) ที่ผู้เล่นทั่วไปมักจะหมอบเมื่อถูก 3-Bet ยกตัวอย่างเช่น A6s, K7s และ J8s ซึ่งจะ Dominate ไพ่ 65s และ 87s ของคุณ ทำให้คุณตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เมื่อ คุณและคู่ต่อสู้ ติด Trip หรือ Flush ซึ่งนั่นเป็นหายนะ

เคล็ดลับ ที่ #3 หลีกเลี่ยงที่จะ 4-Bet ด้วย Suited Connector

ในการตัดสินใจเล่นด้วยการ 4-Bet โดยเฉพาะไพ่ที่ไม่ได้มีความแข็งแกร่งมาก (Bluff) เราควรพิจารณาปัจจัยที่สำคัญ ดังนี้

• • ไพ่ของคุณมีไพ่ที่ไปบล็อกไพ่ที่ดีของคู่ต่อสู้หรือไม่
  • ไพ่ของคุณมีความสามารถในการเล่น Post-Flop ดีหรือไม่
  • Implied Odds คุ้มค่าเพียงพอกับความเสี่ยงหรือไม่

ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัย มีหัวข้อที่สำคัญที่สุดคือ Blocker เนื่องจากในสถานการณ์การเล่นด้วยการ 4-Bet สามารถเล่นได้นั้นมักจะมีไพ่ที่แข็งแกร่ง การที่คุณสามารถตัดไพ่ที่แข็งแกร่งบางใบออกไปจากฝ่ายตรงข้ามได้นั้นสามารถสร้างความแตกต่างเป็นอย่างมาก
ไพ่ Suited connector โดยปกติมีความสามารถในการ Block ที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไพ่ในกลุ่มที่คู่ต่อสู้ต้องการจะหมอบอยู่แล้วเช่น A5s หรือ A6s แต่ไม่ได้ช่วย Block ไพ่ที่มีความแข็งแกร่งมากๆอย่างเช่น AK, AA ,AQs ฯลฯ ส่วนปัจจัยในเรื่องการเล่น Post-Flop ได้ดีและ Implied-Odd นั้น ไพ่ Suited-Connector มักจะทำได้ดี แม้ว่า การเล่นด้วยการ 4-Bet จะทำให้ สัดส่วนของ Stack-to-Pot Ratios นั้นต่ำมากจนอาจทำให้ไม่สามารถ Bluff ต่อได้แล้วก็ตาม

เคล็ดลับ ที่ #4 หลีกเลี่ยงที่จะ Over-Call มากจนเกินไป

Over-call คืออะไร ? มันคือการที่คุณเลือกที่จะ Call จากการที่มีผู้เล่นก่อนหน้าคุณ Raise และมีผู้เล่นอีกคน Call เข้าไปเล่นก่อนหน้าคุณแล้ว

ซึ่งคุณอาจเคยได้เรียนรู้ หรือ ผ่านการเล่นมาก่อนหน้านี้ว่ามันเป็นการเล่นที่มีความคุ้มค่า แต่ในความเป็นจริงมันเป็นการเล่นที่ขาดทุนในระยะยาวและควรหลีกเลี่ยง ยกเว้น คุณมีตำแหน่งในการเล่นอยู่ที่ตำแหน่ง Button หรือ Big-Blind

ซึ่งเราจะแสดงให้คุณเห็นว่าทำไม จากตัวอย่าง

เราจำลองการเล่นในรูปแบบ 6 คน ที่ผู้เล่นทุกคนมีชิปอยู่ที่ 100bb เท่ากัน มีผู้เล่นที่ตำแหน่ง UTG เลือก Open-Raise ที่ 2.5bb และมีผู้เล่นต่อมาเลือกที่จะ Call การตัดสินใจมาถึงคุณที่ตำแหน่ง Cut-off ที่ถือไพ่ 6♦5♦

อันดับแรก เรามาลองคำนวณ ความคุ้มค่าในการเล่นนี้ จากโอกาสที่คุณจะชนะ ด้วย Equity ที่คุณต้องการ โดยมีพื้นฐานจาก Pot-Odds จากนั้นเรามาลองพิจารณาเปรียบเทียบกับคู่ต่อสู้ทั้งสองคน

เราเริ่มต้นกันด้วย Pot-odd หากคุณเลือกที่จะ Call นั้นทำให้ขณะนี้ มีชิปอยู่ที่กองกลาง หรือ Pot อยู่ที่ 9bb คุณต้องเสี่ยง 2.5bb เพื่อ 9bb นั้นเท่ากับ 2.5 / 9 = 0.27 หรือ ประมาณ 27% ของ Equity ที่คุณต้องมีเพื่อให้การเล่นนี้เป็นการเล่นที่เป็นกำไร

ในขณะที่ Range ของผู้เล่นที่เป็นฝ่าย Raise จะมีลักษณะประมาณนี้

ในขณะที่ผู้เล่นอีกคนที่เป็นฝ่าย Call มีความเป็นไปได้ที่จะมี Range ที่ประกอบไปด้วย Pocket กลางๆ รวมไปถึง ไพ่ Suite ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยมี Range ที่นำมาใช้ Call ดังภาพด้านล่าง

เมื่อเราทดลองนำ Range ของ คู่ต่อสู้ทั้งสองคนรวมถึง ไพ่ของเรามาคำนวณหา Equity จะได้ผลลัพธ์ ดังภาพด้านล่าง

ไพ่ 6♦5♦ มี Equity อยู่ราวๆ 25% เปรียบเทียบกับ Range ของคู่ต่อสู้ทั้งสองคน
นั่นหมายความ การเล่นนี้ เป็นการเล่นที่ขาดทุนและไม่ควรเล่น ด้วยภาพที่ทำให้คุณเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ ก็มียังพอมีเรื่องดีอยู่ นั่นคือ คุณอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ ซึ่งหมายความว่าคุณจะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในการเล่นหลังจากที่ Flop เปิดได้ง่าย จากความแข็งแกร่งจริงของคุณ (เล่นต่อเมื่อติด หรือ หมอบเมื่อไม่ติด)

อย่างไรก็ตาม คุณต้องคำนึงถึงผู้เล่นที่เล่นต่อจากคุณที่ยังเหลืออยู่ด้วย ซึ่งนั่นหมายถึง ผู้เล่นอีก 3 คน ที่ตำแหน่ง BTN,SB และ ฺฺBB ที่อยู่ข้างหลัง และคุณเปิดโอกาสให้ใครบางคนจาก 3 คนนั้นสามารถที่จะ Squeeze ด้วยการ 3-Bet กดดันให้คุณต้องยอมหมอบไพ่ของคุณเพื่อป้องกันความเสียหาย นอกจากนี้ เขายังได้รับผลตอบแทนที่ดีที่จะ Call ตามเข้ามาเล่นเพิ่มเติมอีกด้วย นั่นยิ่งทำให้โอกาสชนะของคุณลดลงไปอีกมาก

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดรวมกับข้อเท็จจริงที่ว่าคุณมี Equity ที่น้อยกว่า 27% จึงชัดเจนว่าการ Call จึงเป็นกลยุทธ์ -EV (มูลค่าที่คาดหวัง ซึ่งควรเล่นเฉพาะในกรณีที่เป็นบวก)

แน่นอนว่า โป๊กเกอร์ ไม่ใช่อะไรที่ตายตัว หากคุณพบว่าผู้เล่นที่มีตำแหน่งในการเล่นต่อจากคุณเป็นผู้เล่นที่อ่อนแอ ซึ่งเขามักจะไม่กดดันด้วยการ 3-Bet และ ผู้เล่นก่อนหน้าคุณเป็นเป้าหมายที่คุณต้องการโจมตี การเลือก Call ก็อาจเป็นการเล่นที่ดีได้เช่นเดียวกัน แต่จงเล่นด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรเล่นด้วยกลยุทธ์เช่นนี้บ่อยจนเกินไป

เคล็ดลับ ที่ #5 ไม่ควร Cold-Call 3-Bet

Cold-Call คืออะไร ? มันคือการเล่นของคุณด้วยการ Call เป็นคนแรก เราขอยกตัวอย่างเพื่อให้คุณสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย เช่น มีผู้เล่นคนแรก Open-Raise และ ผู้เล่นคนที่ 2 เลือก 3-Bet และการตัดสินใจมาถึงคุณ และ คุณเลือกที่จะ Call 3-Bet นั้น การ Call ของคุณเรียกว่า Cold-Call

ไพ่ Suited Connector ของคุณสามารถเป็นไพ่ที่ทำกำไรได้หาก เป็นการ Call 3-Bet จากการที่คุณเป็นฝ่าย Raise และมีคู่ต่อสู้ 3-Bet แต่มันจะแตกต่างไปเมื่อเป็นการเล่นด้วยการ Cold-Call 3-Bet ซึ่งมีปัจจัยที่แตกต่างกันอยู่ 2 ประการ
ประการที่ #1: เมื่อคุณ Raise และ คู่ต่อสู 3-Bet คุณมีความคุ้มค่าจาก Pot-Odds ที่จะ Call
ประการที่ #2: เมื่อคุณ Raise และ คู่ต่อสู้ 3-Bet คุณเป็นฝ่ายเลือกที่จะปิดการเล่น (ด้วยการ Call โดยที่ไม่มีผู้เล่นเหลืออยู่กดดันที่จะสามารถ Squeeze ได้)

หลีกเลี่ยงที่จะทำลายชิปของคุณด้วยการ Call เมื่อมีผู้เล่น 2 คนก่อนหน้าคุณ Raise และ 3-Bet ไพ่ Suited connectors ไม่เหมาะสมในการนำเข้าไปเล่นในสถานการณ์นี้

สรุปบทความ

การเล่นไพ่ Suited Connectors นั้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากคุณสามารถทำความเข้าใจว่าสถานการณ์ใดที่คุณควรหลีกเลี่ยง และ ด้วยเหตุผลใด ส่วนที่ยากที่สุดก็คือการมีวินัยในเล่น เมื่อไพ่ Suited Connectors นั้นสวยเกินกว่าที่คุณจะ Fold ได้

เคล็ดลับในการเล่นทั้ง 5 ประการ ที่ N8 ได้นำเสนอให้แก่คุณในวันนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการเลือกเล่นไพ่ Suited Connectors เนื่องจากไพ่ประเภทนี้แม้จะดูดี แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเล่นได้ดีเสมอไป

N8TH หวังว่าคุณจะสนุกกับบทความนี้ และ ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเล่น เช่นเคย โปรดแสดงความคิดเห็นหรือส่งคำติชม เพื่อให้เราได้ปรับปรุงบทความให้ดีมากยิ่งขึ้น
ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการเล่นโป๊กเกอร์ ที่ N8