วิธีการเล่นโป๊กเกอร์ ด้วยไพ่ คู่ JJ
ไพ่คู่ J (Pocket J) หรือ JJ เป็นแฮนด์เริ่มต้นที่มีการถกเถียงถึงความแข็งแกร่งของมัน ว่ามันแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเรียกว่า Premium หรือไม่ แม้ว่า JJ จะเป็นไพ่เริ่มต้นที่มีความแข็งแกร่งสำหรับการเล่น Poker แต่การจะเล่นได้อย่างถูกต้องหลังจากนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องทำการศึกษา ถึงกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดที่ควรนำมาใช้ อย่างเช่น ในกรณีที่ บอร์ดเปิดไพ่ที่ใหญ่กว่า J ขึ้นมาจะมีวิธีการเล่นอย่างไร? ในบทความนี้เราจะได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่ถูกต้องเพื่อที่จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้และนำไปใช้ในแผนการเล่นของคุณ
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ไพ่คู่ J
ลบภาพจำที่คุณถือ JJ และ บอร์ดเปิดไพ่ A หรือ K ออกจากสมองคุณ ความจริงก็คือ ไพ่คู่ J นั้นมีความแข็งแกร่งโดยเฉลี่ยมากกว่าไพ่ ที่เหลือเกือบทั้งหมดที่เลือกสุ่มออกมา 2 ใบ อยู่สูงถึงราวๆ 77% ไม่เว้นแม้แต่ไพ่ที่คุณคิดว่าแข็งแกร่งที่สุด นั้นก็คือ AK หรือ KQ ที่ ไพ่คู่ J นั้นยังมีโอกาสชนะมากกว่าเล็กน้อย ที่ 54% ไม่ต่างกับการโยนเหรียญหัวก้อย ….. ในรอบ Pre-Flop นี้คุณแพ้แค่ไพ่ คู่ A ,K ,Q เพียงเท่านั้น และ หากต้องเผชิญกับสถานการณ์นั้นจริงๆ คุณก็ยังมีโอกาสโชคดีที่จะกลับมาชนะอยู่ที่ราวๆ 20%
ดังนั้นคุณจึงควรปรับทัศนคติของคุณใหม่ ทิ้งความคิดเชิงลบด้วยข้อเท็จจริงที่กล่าวมาแล้ว เรามาดูและสร้างแผนการเล่น ด้วยไพ่ คู่ J ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพให้มากขึ้นดีกว่า
แผนการเล่นในรอบ Pre-Flop ด้วย ไพ่คู่ J
เช่นเดียวกับแผนการเล่นไพ่อื่นๆ ในการเล่นโป๊กเกอร์ แผนการเล่นไพ่คู่ J ให้ถูกต้องไม่ง่ายเหมือน แผนการท่อง A B C
ที่คุณต้องทำคือ แผนการเล่นเมื่อจำนวนผู้เล่นที่เหลืออยู่บนโต๊ะมีจำนวนเท่าใด? , ผู้เล่นที่เหลืออยู่มีวิธีการเล่นเป็นอย่างไร? , คุณมีตำแหน่งในการเล่น ที่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ,ขนาดของชิปที่มีเหลืออยู่บนหน้าตัก และ ปัจจัยอื่นที่ต้องคำนึงถึงอีกมากมาย แต่โดยทั่วไปแล้ว แผนการเล่นหลักของคุณมีเพียงพยายามปกป้อง หรือ Protect Equity ที่มีของคุณ อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้ว JJ เป็นไพ่ที่มีความแข็งแกร่งโดยเฉลี่ยมากกว่าไพ่โดยส่วนใหญ่ทั้งหมดในสำรับ ดังนั้น แผนการเล่นที่ดีที่สุดก็คือการเล่นด้วยความดุดัน หรือ Aggressive นั่นเอง
ปกป้อง Equity หรือ Protect Equity
สิ่งที่คุณต้องทำเป็นอย่างแรกก็คือการจำกัดจำนวนผู้เล่นให้เหลือน้อยที่สุด สถานการณ์ที่ดีที่สุดคือการเข้าไปเล่นตัวต่อตัวกับคู่ต่อสู้ ในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่คุณแข่งขันทัวร์นาเมนต์ ที่เหลือชิปหน้าตักอีกไม่มาก คุณอาจเลือก All-in ในการเล่นรอบ Pre-Flop ซึ่งจะรับรองได้ว่าคุณจะได้เปิดไพ่ทั้ง 5 ใบเพื่อ Showdown หาผู้ชนะ มากกว่าที่จะเข้าไปเล่นกับคู่ต่อสู้หลายๆคน บนบอร์ดที่มีแต่ไพ่ที่ใหญ่กว่า J ของคุณแน่นอน แต่สำหรับแผนการเล่นที่ยังเหลือชิปหน้าตักมาก การ All-in ดูจะเป็นการเล่นที่ผิดเนื่องจาก แนวโน้มจากผู้เล่นที่สามารถ Call ได้มักจะมีไพ่ที่แข็งแกร่งกว่าคุณเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเลือก Aggressive ในขณะที่มองหาทางควบคุณไม่ให้ Pot มีขนาดใหญ่จนเกินไป (Pot control)
Open Raise ในรอบ Pre-Flop
Open-Raises และ 3-bets เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้คุณทราบถึง Equity ที่คุณมีอยู่อย่างแท้จริง แต่ความถี่ที่ควรนำมาใช้ควรอยู่ที่เท่าไหร่? Open-Raises ที่ราวๆ 75% เป็นตัวเลขที่ถูกต้องจากการเล่นในทุกๆตำแหน่ง และ ไม่ควร Call ในการเล่นยกเว้นคุณจะมีเหตุผลที่เหมาะสมในการเล่นนั้น
คุณควรเลือกที่จะหมอบ อีก 20% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีผู้เล่นที่มีชิปเยอะมากๆ Re-Raise คุณด้วยขนาดที่ใหญ่มากๆ ระวังผู้เล่นที่มักจะเล่นด้วย กลยุทธ์ Limp-Raise ในการเล่นของเขาเนื่องจากมันจะเป็นแผนการเล่นของไพ่ที่แข็งแกร่งมากๆ เช่น AA, KK
ควบคุมขนาดของ Pot (ชิปกองกลาง) ไม่ให้มีขนาดใหญ่จนเกินไป
การควบคุมขนาดของ Pot หรือ Pot control ไม่ให้มีขนาดใหญ่จนเกินไปยังคงมีความสำคัญในแผนการเล่น ไพ่คู่ J เนื่องจากเรา ต้องยอมรับว่าบ่อยครั้งในการเล่นไพ่คู่ J มักจะต้องเสียชิปไปในจำนวนมาก แต่กลับได้ผลตอบแทนกลับมาเพียงนิดเดียว จากโอกาสที่จะมีไพ่ที่ใหญ่กว่า J ปรากฏขึ้นมาบนบอร์ด เราจึงใช้การ Control Pot จากเหตุผลดังกล่าวนี้ และนี่คือตัวอย่างสถานการณ์ที่จะทำให้คุณทำความเข้าใจในหัวข้อนี้
เหลือคุณกับ คู่ต่อสู้เพียงสองคนในรอบ Pre-Flop ที่คู่ต่อสู้ Open-Raise คุณ Re-Raise และคู่ต่อสู้ 3-Bet คุณเลือกที่จะ Call
Flop เปิดออกมาเป็น Q-8-3 , คู่ต่อสู้ C-Bet
คุณมีแผนการเล่นอย่างไร?
ในแผนการเล่นบนบอร์ดนี้ คู่ต่อสู้ ที่เป็นฝ่าย Aggressive จากการ 3-Bet เขาสามารถมีอะไรได้บ้าง ?
AK ที่คุณสามารถชนะอยู่ หรือ AQ ที่เราไม่ทราบว่า คู่ต่อสู้จะ 3-Bet ด้วย AQ ในรอบ Pre-Flop หรือไม่ ? หรือ เขาอาจ Semi-Bluff ด้วย Flush Draw หรือ มีลุ้น Gutshot ด้วยไพ่อย่างเช่น JT
อย่างไรก็ตาม ไม่มีเหตุจำเป็นใดที่คุณจะ Raise คู่ต่อสู้กลับไปในสถานการณ์นี้ หากคู่ต่อสู้มี Q จริง คุณจะทำอย่างไร? คุณ Raise แล้วถูก คู่ต่อสู้ All-in กลับมา? หากคุณเลือกที่จะ Call แล้วไปเล่นต่อที่ Turn จะเป็นอย่างไรหากไพ่ที่ Turn เปิดมาไม่เกี่ยวข้องกับไพ่ใดๆ บนบอร์ด (Brick) แล้วคู่ต่อสู้ Shove All-in คุณจะทำอย่างไร ? หรือ คู่ต่อสู้อาจยังไม่ติดอะไร แม้ว่าเขาจะถือ AK สถานการณ์ก็ยังคงไม่ดีเช่นเดิม คุณต้องการไพ่ใดที่จะเปิดขึ้นที่ Turn ?
การเลือก Call จึงเป็นการเล่นที่ถูกต้องเพื่อ Control ไม่ให้ Pot มีขนาดใหญ่จนเกินไป และใช้แผนการเล่นนี้ไปจนสิ้นสุด
วิธีการเล่นโป๊กเกอร์ ด้วยไพ่คู่ J ระหว่าง โป๊กเกอร์เงินจริง และ โป๊กเกอร์ทัวร์นาเมนต์
ไม่มึความแตกต่างอย่างชัดเจนในการเล่นระหว่าง โป๊กเกอร์เงินจริง กับ โป๊กเกอร์ทัวร์นาเมนต์ ยกเว้นในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ความผิดพลาดหมายถึงการต้องออกจากการแข่งขัน โดยเฉพาะการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ในระบบ Freezeouts ที่ผู้เล่นจะพยายามลดความเสี่ยงในการเล่นลงในช่วงเริ่มการแข่งขัน หากคุณถูกคู่ต่อสู้ 4-Bet ใส่คุณในช่วงนี้ก็อาจพิจารณาที่จะทิ้งไพ่คู่ J และมองหาโอกาสดีๆในรอบต่อไปดีกว่า (ทัวร์นาเมนต์ ในรูปแบบ Freezeouts คือการแข่งขันที่ไม่สามารถสมัครเข้ามาเล่นใหม่ได้ในกรณีที่แพ้และออกจากการแข่งขันไปแล้ว)
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต่อมาของการแข่งขัน ผู้เล่นจะเริ่มที่จะ พยายามทำอันดับให้ดีขึ้นทำให้เขาเหล่านั้นขยาย Range ที่ใช้เล่นให้กว้างขึ้นทำให้ คุณไม่ต้องกลัวที่จะนำไพ่คู่ J เดิมพันด้วยชิปทั้งหมดของคุณในช่วงนี้
ความผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง ในการเล่นไพ่คู่ J
ในหัวข้อนี้เราได้สรุปความผิดพลาดที่ผู้เล่นส่วนใหญ่มักทำเมื่อได้รับไพ่คู่ J การเรียนรู้ความผิดพลาดนี้จะทำให้คุณสามารถใช้งาน ไพ่คู่ J ของคุณได้มีอย่างประสิทธิภาพ
- ประเมินความแข็งแกร่งของไพ่สูงเกินจริง : คุณวางเดิมพัน หรือ 3-Bet ,4-Bet ด้วยขนาดที่สูงมากเกินไป ในการเล่นรอบ PreFlop ในขณะที่คุณมีชิปหน้าตักเหลือเยอะ ทำให้คุณอาจผิดพลาดเสียชิปไปจำนวนมากได้
- ไม่อาจตัดใจทิ้งไพ่ คู่ J : ไม่สามารถหมอบไพ่คู่ J จากสถานการณ์ที่แย่ๆได้ เช่น บนบอร์ดทีไพ่ที่สูงกว่าไพ่ J และมีผู้เล่นหลายคนบนโต๊ะ
- ประเมินความแข็งแกร่งของไพ่ต่ำเกินจริง : คุณเล่นไพ่คู่ J อย่างระมัดระวังมากเกินไปทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรให้มากที่สุด
- ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ : นำอารมณ์มาตัดสินใจในการวางแผนการเล่นโดยเฉพาะเมื่อคุณมักจะ พบความสูญเสียเมื่อต้องเล่น ไพ่คู่ J จะทำให้คุณไม่สามารถเล่นไพ่คู่ J อย่างถูกต้องได้เพราะใช้ความรู้สึกที่ไม่ดีในอดีตมาใช้