ICM Poker คืออะไร? และ ทำไมจึงมีความสำคัญ !

ICM Poker คืออะไร? และ ทำไมจึงมีความสำคัญ !

ICM Poker คืออะไร? และ ทำไมจึงมีความสำคัญ !

การศึกษา และ ทำความเข้าใจ ในเรื่อง ICM โป๊กเกอร์ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ หากคุณต้องการเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ ในการแข่งขันโป๊กเกอร์รูปแบบทัวร์นาเมนต์  คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับ ICM ซึ่งย่อมาจากคำว่า  Independent Chip Model มาบ้าง แต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร และ นำไปใช้ในแผนการเล่นอย่างไร บทความนี้จะช่วยให้คุณทำความเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง โดยแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ ดังนี้

ICM Poker คืออะไร?

เราเริ่มต้นบทความนี้ ด้วยการหาคำตอบว่า ICM โป๊กเกอร์ คืออะไร?  Independent Chip Model (ICM) หมายถึง “วิธีการคำนวณชิปที่ใช้ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ในขณะนั้นเปรียบเทียบเป็นเงินรางวัลที่จะได้รับ” เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ชิปที่เราได้รับเพื่อใช้ทำการแข่งขันโป๊กเกอร์ ในรูปแบบทัวร์นาเมนต์นั้นไม่ได้มีมูลค่าเป็นเงินจริงตามค่าของชิป มันเป็นเพียงสิ่งที่จะชี้วัดว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันเท่านั้น แต่ ICM จะช่วยให้คุณสามารถคำนวณได้ว่า ชิปที่คุณมี จะเปลี่ยนเป็นผลตอบแทนให้กับคุณในสถานการณ์นั้นๆ เท่าใด ซึ่ง ขึ้นอยู่กับตัวแปรต่างๆ เช่น จำนวนผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออยู่ และ ขนาดของชิปที่เขามี เช่นเดียวกับ ขนาดของเงินรางวัลรวม และ จำนวนผู้ที่จะได้รับเงินรางวัลในแต่ละอันดับ
ดังนั้น หากคุณนำหลักการ ICM โป๊กเกอร์ มาใช้ในประกอบการตัดสินใจในการแข่งขันของคุณ จะช่วยให้คุณสามารถประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว
 

ทำไม ICM จึงมีความสำคัญในการแข่งขันโป๊กเกอร์ในรูปแบบ ทัวร์นาเมนต์

ในการแข่งขัน Poker ในรูปแบบ Cash Game ชิปที่ได้รับจะมีค่าคงที่ตลอดระยะเวลาการแข่งขัน ยกตัวอย่างเช่น คุณ นำเงินสดไปแลกชิป 1$ ใช้ในการแข่งขัน ชิปของคุณจะมีค่า 1$ ไปตลอดการแข่งขันจนถึงคุณนำไปแลกกลับคือเป็นเงินสด คือ 1$  แต่ในการแข่งขันโป๊กเกอร์รูปแบบทัวร์นาเมนต์ ชิปที่ใช้ในการแข่งขันนั้นมีค่าผันผวนสูงขึ้นหรือลดลง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

ยกตัวอย่างเพื่อทำความเข้าใจ

คุณเหลือชิปอีกเพียงแค่ชิปเดียว และ หากคุณต้องเสียชิปนั้นไป คุณจะต้องออกจากการแข่งขัน!  แต่ ชิปเพียงชิปเดียวจะแตกต่างออกไปหากคุณเป็นผู้เล่นที่มีชิปมากที่สุดในการแข่งขันในขณะนั้น การที่คุณเสียชิปเพียง 1 ชิป นั้นไม่มีความหมายใดๆ กับคุณเลย
จากตัวอย่างเราจึงสามารถสรุปได้ว่า ชิปที่ใช้ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นั้น มีค่าไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยทั่วไปแล้ว ICM เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้เล่นตัดสินใจอย่างมีกลยุทธ์มากขึ้น และ ICM ยังส่งผลสำคัญต่อการตัดสินใจวางแผนการเล่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ใกล้เข้าสู่อันดับที่จะได้รับเงินรางวัล (Money Bubble) หรือ การเล่นบนโต๊ะชิงชนะเลิศ ที่เงินรางวัลในแต่ละอันดับมีความแตกต่างกันสูงมาก
 

ทำความเข้าใจ ICM โป๊กเกอร์

วิธีที่จะสามารถทำความเข้าใจ ICM โป๊กเกอร์ ได้ง่ายที่สุดคือทำความเข้าใจจากตัวอย่าง  โดยสมมุติ การแข่งขันทัวร์นาเมนต์ Sit’n’go ผู้สมัคร 10 คน มีค่าสมัคร 50$ ที่มีเงินรางวัลรวมอยู่ที่ 500$ ผู้ชนะที่ 1 ได้เงินรางวัล 250$ , ที่ 2 ได้รับ 150$  และ ที่ 3 ได้รับ 100$
 
เมื่อเริ่มต้นการแข่งขัน ชิปที่ผู้เข้าแข่งขันได้รับในครั้งแรกจะมีมูลค่าเท่ากัน คือ 50$ เท่ากับที่ชำระค่าสมัครเข้าแข่งขัน หากทางผู้จัดการแข่งขันกำหนดให้ชิปสำหรับแข่งขันทั้งหมดคนละ 1,000 ชิป เราสามารถคำนวณมูลค่าของชิปที่ได้รับออกมาเป็นจำนวนเงินได้ 1ชิป=0.05$ (50$/1000ชิป) อย่างไรก็ตาม สมมุติว่าการแข่งขันดำเนินมาจนเหลือผู้แข่งขันสุดท้่าย 3 คน ซึ่งได้เข้าสู่ ITM (In The Money=ผู้เข้าแข่งขันทุกคนที่เหลืออยู่ได้รับเงินรางวัล) นั้นหมายความว่า ชิปที่ผู้เล่นที่อันดับสุดท้าย แม้จะเหลือเพียง 1 ชิป ก็มีค่าเท่ากับ 100$ (เท่ากับเงินรางวัลที่ 3) เนื่องจากว่า เขาได้รับการันตีเงินรางวัลอย่างน้อย 100$ แล้วนั้นเอง เห็นถึงความแตกต่างของชิป 1 ชิป หรือไม่?
 
และด้วยทฤษฎี ICM โป๊กเกอร์ทั้งหมดนี้  ทำให้เราได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงค่าชองชิปที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดในการแข่งขัน
 
ตัวอย่าง การคำนวณ ICM โป๊กเกอร์
นำตัวอย่างในการแข่งขัน ทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมาก สมมุติให้เหลือผู้เข้าแข่งขัน 3 คน ที่มีชิป แตกต่างกันดังนี้
    • ผู้เล่น A : มีชิป 6,500 ชิป
    • ผู้เล่น B : มีชิป 3,000 ชิป
    • ผู้เล่น C : มีชิป 1,000 ชิป
 
ผู้เล่น A เป็นผู้เล่นที่มีชิปมากที่สุดถึง 65% ของจำนวนชิปรวมทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่า ชิปของเขานั้นมีมูลค่า 325$ (คิดจากขนาดเงินรางวัลรวม 500$  65% ของเงินรางวัลรวม 500$ จึงเท่ากับ 325$) เนื่องจาก  โอกาสที่เขาจะสามารถได้รับเงินรางวัลสูงสุดคือชนะเลิศ ซึ่งมีเงินรางวัลอยู่ที่ 250$ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะมีชิปมากกว่าผู้เข้าแข่งขันอีกสองคนเท่าใดเงินรางวัลสูงสุดที่เขาสามารถทำได้ก็คือ 250$ เท่านั้น
 
ซึ่งวิธีที่จะทดสอบคำนวณถึงมูลค่าของชิปที่ถูกต้อง คือการนำโปรแกรมมาช่วยคำนวณ อย่างเช่น ICMIZER ซึ่งเมื่อนำค่าไปคำนวณในโปรแกรมจะได้ผลลัทธ์ดังนี้

ICMIZER

การนำทฤษฐี ICM โป๊กเกอร์ ไปปรับใช้ในแผนการเล่น

ถึงตรงนี้ คุณคงมีความเข้าใจในเรื่อง ICM โป๊กเกอร์ เพิ่มมากขึ้นแล้ว แต่ เมื่อใดที่คุณควรนำทฤษฎีนี้ไปใช้ ? ในสถานการณ์ที่สามารถพบได้บ่อยที่สุด จากตัวอย่างที่ผ่านมา ก็คือ เมื่อผู้เล่นทั้ง 3 คน ตัดสินใจ ยุติการแข่งขัน แล้ว แบ่งเงินรางวัลกัน ซึ่งเงินรางวัลที่จะนำมาแบ่งให้ผู้เข้าแข่งขันจะมีความยุติธรรมที่สุดก็คือการใช้ ICM แบ่งตามสัดส่วน ดังตารางที่แสดงไว้ข้างต้นในตัวอย่างที่ผ่านมา
 
แน่นอนว่า ICM ไม่ได้มีประโยชน์ เพียงเพื่อใช้แบ่งเงินรางวัลให้เหมาะสมยุติธรรมที่สุดเท่านั้น เราลองพิจารณาจากตัวอย่างดังต่อไปนี้
 
ในการแข่งขัน ทัวร์นาเมนต์ ที่อยู่ในช่วง Bubble คุณอยู่ที่ตำแหน่ง Big-Blind ด้วยไพ่ QQ ผู้เล่นทุกคนหมอบหมด จนมาถึง ผู้เล่นที่ตำแหน่ง Small-Blind ที่เป็นผู้เล่นที่มีชิปมากที่สุดบนโต๊ะ Shove All-in ส่งผลให้คุณอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจด้วยความยากลำบาก หากผลในการเล่นนี้ออกมาแพ้ คุณจะต้องออกจากการแข่งขันโดยไม่ได้รับเงินรางวัลใดๆ
 
ดังนั้นทฤษฎี ICM Poker สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจ ซึ่งจะช่วยให้คุณทราบว่า คุณสามารถเลือก Call หรือ Fold ที่เป็นการเล่นที่ถูกต้อง เป็นการเล่นที่สามารถทำกำไรสูงที่สุด

poker game

ด้วยการจำลองการเล่น จากโปรแกรม ICMIZER ทำให้คุณไม่ต้องจำสูตรการคำนวณที่ยุ่งยากซับซ้อน ที่คุณต้องทำคือ ระบุมูลค่าของเงินรางวัลที่จะได้รับในการเล่น ,ขนาดของชิป ที่เหลืออยู่ เพียงเท่านี้ โปรแกรมก็จะช่วยคำนวณหาการเล่นที่ถูกต้องให้กับคุณได้ ซึ่งคุณสามารถ Download หาโปรแกรมมาจำลองแผนการเล่นเพื่อให้คุณสามารถจดจำแผนการเล่นที่ถูกต้องได้และสามารถนำไปใช้จริงในการเล่น
 

แนะนำกลยุทธ์พื้นฐาน ICM โป๊กเกอร์

ICM สามารถนำมากำหนดกลยุทธ์ ในการเล่น ทัวร์นาเมนต์ของคุณ ซึ่งจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดของชิปที่คุณมีอยู่ ดังนี้
      • Big-Stack คุณมีชิปหนักตักมาก คุณจึงสามารถเสี่ยงเล่นได้มากขึ้น เนื่องจาก ICM ช่วยให้คุณทราบว่า ชิปที่คุณมีนั้นมีมูลค่าน้อย ดังนั้น คุณจึงมีอิสระในการกดดันผู้เข้าแข่งขันอื่นบนโต๊ะด้วย Range ที่กว้างมากขึ้น
      • Average-Stack คุณมีชิปอยู่ปานกลาง หรือ ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของผู้เข้าแข่งขัน คุณจึงควรระมัดระวังในการเล่น และ ด้วยความผิดพลาดเพียงไม่กี่ครั้งอาจทำให้คุณกลายเป็นผู้เล่น Short-Stack หรือ แย่กว่านั้น … ดังนั้นคุณจึงควรงดการเล่นเสี่ยงๆ ควรใช้สไตล์การเล่นแบบ ABC เพื่อลดความผิดพลาด
      • Small-Stack คุณมีชิปเหลืออยู่น้อยดังนั้นความกดดันจาก ICM จึงลดลง คำแนะนำแผนการเล่นก็คือให้คุณเล่นด้วยความดุดันพยายามสร้าง Stack ให้มากขึ้น และ เสี่ยงให้มากขึ้น
 

ข้อจำกัดของ ICM โป๊กเกอร์

เช่นเดียวกับทฤษฎีเกมอื่นๆใน โป๊กเกอร์ …. ICM โป๊กเกอร์ นั้น ยังไม่สมบูรณ์ที่สุดในการนำไปใช้ ที่เห็นได้เด่นชัดที่สุดนั่นก็คือตัวแปรในเรื่องความสามารถในการแข่งขันของแต่ละบุคคล เพราะ ICM นั้นตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า ผู้เข้าแข่งขันทุกคนมีความสามารถทัดเทียมกัน ดังนั้น เพื่อแก้ไขความคลาดเคลื่อนจากตัวแปรดังกล่าว คุณจึงควรเลือกไพ่ที่แข็งแกร่งมากกว่าที่ ICM แนะนำไปใช้ในแผนการเล่น และ ข้อจำกัดที่สำคัญอีกประการหนึ่งของทฤษฎี ICM Poker ก็คือ ทฤษฎีนี้ถือว่าการตัดสินใจนั้นสิ้นสุดไปแล้วในการเล่นแต่ละรอบ แต่ในความเป็นจริง การแข่งขันจะดำเนินต่อไปแม้ว่าคุณตัดสินใจเล่นแล้ว เช่นคุณตัดสินใจ Call และมีผู้เล่นที่เหลืออยู่รอตัดสินใจอาจจะ Re-Raise ได้ ดังนั้น ICM  จึงควรนำมาใช้เป็นเพียงแนวทางให้เปรียบเทียบไม่ใช่ต้องปฏิบัติตามเท่านั้น
 

บทสรุป ของ ICM Poker

การทำความเข้าใจทฤษฎี ICM โป๊กเกอร์ ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักกีฬาโป๊กเกอร์ ทุกคนที่หวังว่าจะประสบความสำเร็จในระยะยาว และยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ช่วยตัดสินใจในช่วงสำคัญของการแข่งขัน เช่น Money-Bubble หรือ การเล่นที่โต๊ะ Final Table
เนื่องจากการคำนวณที่เกี่ยวข้องนั้นซับซ้อน แต่โชคดีที่เราไม่ต้องทำความเข้าใจคณิตศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังในการใช้คำนวณ ICM เมื่อในปัจจุบัน คุณสามารถใช้โปรแกรม ช่วยคำนวณ ICM ได้ฟรี อย่างเช่น ICMIZER เพื่อนำไปศึกษาและจดจำนำมาปรับปรุงเกมของคุณได้